ที่ผู้เขียนขึ้นหัวข้อแบบนี้
ไม่ได้หมายความว่าจะชักชวนให้ใครต่อใครมาเป็นคู่พิพาททะเลาะเบาะแว้งกันแล้วมาคัดเลือกว่าใครที่จะเป็นคู่พิพาทตามความหมายของกฎกระทรวงฯ
ฉบับนี้นะครับ
ผู้เขียนเพียงจะสื่อความหมายให้เห็นถึงเจตนาของกฎกระทรวงฯ
ในการที่จะระงับข้อพิพาท เพื่อให้ชุมชนยังคงความสามัคคี การเข้าใจซึ่งกันและกัน
การอยู่ร่วมกันด้วยความสงบสุขต่อไป
ผู้เขียนจะขอข้ามเรื่องสาเหตุของการพิพาทกันไปเลยนะครับ
เพราะได้คุย ได้ทราบกันมาตั้งแต่ต้นๆ แล้ว จึงจะข้ามไปตรงที่หากคณะผู้ไกล่เกลี่ยสามารถไกล่เกลี่ยจนกระทั่งมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันแล้ว
สัญญาฯ นี้มีผลใช้บังคับได้ทันที ไม่ต้องนำเรื่องที่พิพาทนี้ไปฟ้องร้องต่อศาลเพื่อให้ศาลทำการพิจารณาคดี
สืบพยานกันอีก เพราะถ้าพิพาทกันแล้วนำเรื่องพิพาทไปฟ้องศาล ศาลก็จะดำเนินการไกล่เกลี่ยตามขั้นตอนศาล ซึ่งสามารถทำความตกลงกันได้
ทำสัญญาประนีประนอมกัน
แล้วจะเอาเรื่องพิพาทเหล่านี้ไปฟ้องเป็นคดีให้รกโรงรกศาลกันทำไม
คู่พิพาทตามความหมายของกฎกระทรวงฯ
หมายถึงใครก็ตามที่มีข้อพิพาทกันด้วยเรื่องเกี่ยวกับที่ดิน มรดก
และข้อพิพาททางแพ่งอื่นที่มีทุนทรัพย์ไม่เกินสองแสนบาทหรือมากกว่านั้น
ตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา
เกี่ยวกับที่ดิน เช่น เพื่อนบ้านโต้แย้งแนวเขตที่ดิน ฯลฯ
เกี่ยวกับมรดก เช่น
พี่น้องตกลงแบ่งทรัพย์มรดกของพอแม่กันไม่ลงตัว ฯลฯ
ข้อพิพาททางแพ่งอื่นที่มีทุนทรัพย์ไม่เกินสองแสนบาท
เช่น กู้ยืมเงินกัน ถึงกำหนดใช้แล้วชักดาบไม่ใช้คืน ฯลฯ
(ส่วนตรงประโยคที่ว่า
หรือมากกว่านั้น ตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา
เป็นการเผื่อไว้ในอนาคตที่อาจจะต้องแก้ไขเพิ่มทุนทรัพย์ให้สูงขึ้น รัฐบาลก็ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
เพิ่มทุนทรัพย์เป็นสามแสนสี่แสนได้เลย โดยไม่ต้องนำเข้าพิจารณาในสภาฯ)
กฎกระทรวงฯ
มิได้กำหนดว่าคู่พิพาทต้องเป็นชาวบ้านในชุมชนหรือต้องเป็นบุคคลธรรมดา มีกำหนดเงื่อนไขแต่เพียงว่าคู่พิพาทฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถยื่นคำร้องขอให้มีการไกล่เกลี่ยฯ
ยังนายอำเภอท้องที่ที่ตนมีภูมิลำเนาหรือนายอำเภอท้องที่ที่คู่พิพาทอีกฝ่ายมีภูมิลำเนาก็ได้
ดังนั้น
คู่พิพาทจึงอาจเป็นบุคคลหรือนิติบุคคลใด ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายที่มีภูมิลำเนาอยู่ในอำเภอที่ยื่นคำร้องก็ได้ ซึ่งกรณีข้อพิพาทกับนิติบุคคลส่วนใหญ่ก็จะเกี่ยวกับนิติกรรมสัญญาทั่วๆ
ไป
นิติบุคคล คือบริษัท ห้างร้านที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลกับกรมพัฒนาธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์ เช่น
ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลจำกัดแก้วมาลูน ขายเฟอร์นิเจอร์ทั้งสดและผ่อน
บริษัท
นิ่มแล้วเซ็ง จำกัด ให้กู้ยืมเงินโดยเอาทะเบียนรถยนต์มาวางไว้
บริษัท นิยมน่าคิด
จำกัด ให้เช่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์
เป็นต้น
นิติบุคคลเหล่านี้ก็สามารถที่จะเป็นคู่พิพาทฝ่ายผู้ร้องหรือฝ่ายผู้ถูกร้องก็ได้
แต่ในการจะเป็นคู่พิพาทฝ่ายผู้ร้องหรือการรับเป็นคู่พิพาทฝ่ายผู้ถูกร้องของนิติบุคคลนั้น
อาจจะต้องแสดงหนังสือรับรองนิติบุคคล หนังสือมอบอำนาจเพื่อแสดงตน ให้นายอำเภอหรือปลัดอำเภอผู้ได้รับมอบหมาย(หรือพนักงานอัยการประจำจังหวัด)
ได้ตรวจสอบเอกสารแล้วเห็นว่าถูกต้อง ก็จะเป็นการเดินเข้าสู่ขั้นตอนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทต่อไป
หลังจากผู้เขียนได้ศึกษากฎกระทรวงฯ นี้
ผู้เขียนยังมองว่า หากนิติบุคคลทั้งหลายที่มีลูกหนี้ที่มีทุนทรัพย์ไม่เกินสองแสนบาท การจะไปยื่นฟ้องลูกหนี้ต่อศาลแขวง นิติบุคคลจะต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียมต่อศาล
1,000 บาท ค่านำหมายเรียกจำเลย ประมาณ 300 - 600 บาท
และคดีต้องรอนัดพิจารณาไปอีก 2 – 3 เดือนอย่างเร็ว
แต่หากนิติบุคคลนั้นมายื่นคำร้องขอให้มีการไกล่เกลี่ยฯ
ยังนายอำเภอ ณ ที่ว่าการอำเภอแล้ว
จะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทุกอย่างฟรีหมด ยื่นคำร้องขอให้มีการไกล่เกลี่ยฯ ฟรี ส่งหนังสือเรียกลูกหนี้ให้มาที่อำเภอ ฟรี หากต่างยินยอมเข้าสู่ขั้นตอนการไกล่เกลี่ย กระทั่งสามารถทำความเข้าใจในเรื่องที่พิพาท
จนตกลงยินยอมทำเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความกันได้แล้ว
นิติบุคคลนั้นไม่ต้องเสียเงินสักบาท เพียงแต่การบังคับตามสัญญาประนีประนอมยอมความนี้จะแตกต่างกับทำที่ศาลนิดนึง
ตรงที่สัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำโดยคณะผู้ไกล่เกลี่ย แม้คู่พิพาททั้งสองฝ่ายจะลงชื่อรับข้อเงื่อนไขการยินยอมในวันนั้นแล้วก็ตาม แต่หากฝ่ายใดไม่ปฏิบัติตามนั้น
คู่พิพาทอีกฝ่ายจะต้องไปยื่นคำร้องต่ออัยการให้อัยการยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ศาลออกคำบังคับไปยังคู่พิพาทอีกฝ่ายหนึ่งให้ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความเสียก่อน
หากไม่ปฏิบัติตามคำบังคับของศาล
คู่พิพาทฝ่ายที่ยื่นคำร้องถึงจะขอศาลออกหมายบังคับคดีเพื่อขอยึดทรัพย์ได้
แต่สัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำที่ศาลที่ได้ฟ้องคดีกันนั้น
ศาลจะให้คู่ความลงชื่อรับทราบคำบังคับในวันนั้นเลย หากคู่ความฝ่ายใดไม่ปฏิบัติตามที่ตกลงไว้ตามกำหนด
คู่ความอีกฝ่ายก็สามารถที่จะขอศาลออกหมายบังคับคดีเพื่อทำการยึดทรัพย์ได้เลย ไม่ต้องยื่นคำขอให้ศาลออกคำบังคับอีกแล้ว
นิติบุคคลใด
สนใจจะประหยัดเงินค่าฤชาธรรมเนียมศาล
ขอให้ไปติดต่อยื่นคำร้องยังนายอำเภอที่ท่านตั้งอยู่ทั่วประเทศได้เลย
ไม่ต้องเกรงใจว่าศาลจะขาดค่าฤชาธรรมเนียมเข้าศาล เพราะท่านผู้พิพากษาที่ผู้เขียนเรียนปรึกษา
ท่านบอกว่า ศาลไม่ต้องการให้มีคดีค้างการพิจารณามากกว่าการได้ค่าฤชาธรรมเนียม
แถมบางคดีก็ฟ้องศาลโดยไม่จำเป็นอีกด้วย
หมายเหตุ
คำบังคับ คือคำพิพากษาย่อ
ที่ศาลจะออกมาเพื่อแจ้งให้จำเลยทราบว่าจำเลยจะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาอย่างไรบ้าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น