จากที่เราทราบกันมาแล้วว่า
การจะระงับข้อพิพาทในชุมชนเพื่อให้เกิดความสามัคคี
ความสงบสุขแก่ชุมชนไม่ว่าจะระดับหมู่บ้านหรือระดับที่สูงกว่านี้ขึ้นไปนั้น การไกล่เกลี่ยถือได้ว่าเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด
ซึ่งรัฐเองก็ได้มองเห็นความสำคัญนี้มานานแล้ว จะเห็นได้ชัดเจนจากใน พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.๒๔๕๗ มาตรา ๒๗ ที่กำหนดให้ผู้ใหญ่บ้านมีหน้าที่อำนวยความเป็นธรรม สร้างความสมานฉันท์และความสามัคคีให้เกิดขึ้นในหมู่บ้าน
ฯ
การประนีประนอมข้อพิพาทในระดับชุมชนระดับหมู่บ้าน
ได้มีการบัญญัติเป็นข้อบังคับของกระทรวงมหาดไทย
เมื่อปี ๒๕๓๐
เป็นการเจตนาที่จะให้ผู้ใหญ่บ้านและคณะกรรมการหมู่บ้าน
เป็นผู้ที่ทำการระงับข้อพิพาทที่ลูกบ้านในหมู่บ้านของตนเกิดข้อขัดแย้งโต้เถียงกัน ซึ่งเมื่อลูกบ้านคู่พิพาทสามารถตกลงยุติการพิพาทกันได้แล้ว
ต่างก็ยังสามารถอยู่ร่วมกันในชุมชนอย่างสงบสุข มีความเรียบร้อยในชุมชน แล้วยังจะเป็นการสร้างความสมานฉันท์แก่สังคมต่อไป อันจะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย
ข้อบังคับกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการปฏิบัติงานประนีประนอมข้อพิพาทของคณะกรรมการหมู่บ้าน
พ.ศ.๒๕๓๐ กำหนดให้คณะกรรมการหมู่บ้าน(ดู
พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.๒๔๕๗ มาตรา ๒๘ ตรี)
ทำการประนีประนอมข้อพิพาทที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านได้
ทั้งข้อพิพาทเกี่ยวกับความแพ่งหรือความอาญาที่เป็นความรับผิดอันยอมความได้
ข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้น
มีตั้งแต่เรื่องทะเลาะเบาะแว้งเล็กๆ น้อยๆ,
การผิดสัญญา ผิดข้อตกลงใดๆ ต่อกัน จนถึงการกระทำความผิดทางอาญา หากเป็นความผิดทางอาญาที่ยอมความต่อกันได้
คณะกรรมการหมู่บ้านก็สามารถทำการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทนั้นๆ ได้
และหากคู่พิพาทสามารถตกลงกันได้ ก็ให้คณะกรรมการหมู่บ้านทำบันทึกข้อตกลงเป็นสัญญาประนีประนอมข้อพิพาทขึ้นมา
โดยให้คู่พิพาทต่างลงชื่อไว้ในบันทึกนี้
เมื่อคู่พิพาทฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ปฏิบัติตามที่ได้ตกลงไว้ในสัญญาประนีประนอมข้อพิพาท การจะบังคับให้คู่พิพาทฝ่ายนั้นรับผิดตามสัญญาฯ
คู่พิพาทอีกฝ่ายก็จะต้องนำสัญญาประนีประนอมข้อพิพาทนี้ไปฟ้องต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาตามสัญญาฯ
ต่อไป
ต่อมาได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๗)
พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๑๔ ที่ให้เพิ่มความเป็นมาตรา
๖๑/๑ มาตรา ๖๑/๒ และมาตรา ๖๑/๓
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.๒๕๓๔ โดยที่มาตรา ๖๑/๒ มีสาระสำคัญกำหนดให้แต่ละอำเภอ
มีคณะบุคคลผู้ทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทฯ ซึ่งต่อมาก็ได้มีการออกกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง
พ.ศ.๒๕๕๓ และมาตรา
๖๑/๓
มีสาระสำคัญกำหนดให้นายอำเภอหรือปลัดอำเภอเป็นผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
ซึ่งก็ได้ออกเป็นกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยความผิดที่มีโทษทางอาญา
พ.ศ.๒๕๕๓
เจตนาในการออกกฎกระทรวงฯ
ทั้งสองนี้ มุ่งหวังผลยิ่งเพื่อให้การที่ระงับข้อพิพาทให้สามารถยุติกันได้ในชุมชนและมีผลตามกฎหมายโดยมิต้องนำการผิดข้อตกลงไปกล่าวฟ้องร้องต่อศาลกันอีก
อันจะทำให้เป็นคดีที่รกโรงรกศาลอีกด้วย
ในทางแพ่ง
เมื่อคู่พิพาทตกลงกันได้และทำบันทึกเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว ทำให้ข้อเรียกร้องเดิมของคู่พิพาทได้ระงับสิ้นไปและได้สิทธิตามที่แสดงไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความ
หากคู่พิพาทฝ่ายใดไม่ปฏิบัติตามที่ตกลงไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความ
คู่พิพาทอีกฝ่ายก็สามารถนำความไปร้องขอต่อพนักงานอัยการเพื่อให้ยื่นคำร้องต่อศาลให้ออกคำบังคับแก่คู่พิพาทที่ผิดสัญญาได้เลยโดยไม่จำต้องนำไปฟ้องเป็นคดีใหม่
หรือในความผิดที่มีโทษทางอาญา(ที่ยอมความกันได้)
เมื่อผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหาได้ยินยอมเป็นหนังสือตามที่ไกล่เกลี่ยและปฏิบัติตามคำไกล่เกลี่ยแล้ว
ทำให้คดีอาญาที่พิพาทกันมาก่อนนั้นเป็นอันเลิกกันไปคือไม่อาจนำเรื่องที่พิพาทกันมานี้ไปฟ้องร้องต่อศาลได้
จะสังเกตได้ว่า
กฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ.๒๕๕๓
และกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยความผิดที่มีโทษทางอาญา พ.ศ.๒๕๕๓ ทั้งสองฉบับนี้ น่าจะมีพื้นฐานมาจากข้อบังคับกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการปฏิบัติงานประนีประนอมข้อพิพาทของคณะกรรมการหมู่บ้าน
พ.ศ.๒๕๓๐ แต่ต้องการให้มีผลของกฎหมายที่เป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่าย
แม้กับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องมากยิ่งขึ้น
หมายเหตุ เพื่ออ่านประกอบข้อเขียนนี้
คณะกรรมการหมู่บ้าน
ตั้งขึ้นโดยอาศัย พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่
พ.ศ.๒๔๕๗ มาตรา ๒๘ ตรี และการที่คณะกรรมการหมู่บ้านจะปฏิบัติหน้าที่ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทฯ
นั้น มีระเบียบให้ปฏิบัติตามข้อบังคับกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการปฏิบัติงานประนีประนอมข้อพิพาทของคณะกรรมการหมู่บ้าน
พ.ศ.๒๕๓๐ โดยขอยก พ.ร.บ.ฯ และข้อบังคับฯ
ทั้งสองมาให้อ่านดังนี้นะครับ
พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.๒๔๕๗
มาตรา ๒๘ ตรี ในหมู่บ้านหนึ่งให้มีคณะกรรมการหมู่บ้านประกอบด้วย ผู้ใหญ่บ้านเป็นประธาน
ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีภูมิลำเนาในหมู่บ้าน ผู้นำหรือผู้แทนกลุ่มหรือองค์กรในหมู่บ้าน
เป็นกรรมการหมู่บ้านโดยตำแหน่ง และกรรมการหมู่บ้านผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งนายอำเภอแต่งตั้งจากผู้ซึ่งราษฎรในหมู่บ้านเลือกเป็นกรรมการหมู่บ้านผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนไม่น้อยกว่าสองคนแต่ไม่เกินสิบคน
คณะกรรมการหมู่บ้านมีหน้าที่ช่วยเหลือ
แนะนำ และให้คำปรึกษาแก่ผู้ใหญ่บ้าน
เกี่ยวกับกิจการอันเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้าน และปฏิบัติหน้าที่อื่นตามกฎหมาย
หรือระเบียบแบบแผนของทางราชการ หรือที่นายอำเภอมอบหมาย หรือที่ผู้ใหญ่บ้านร้องขอ
ให้คณะกรรมการหมู่บ้านเป็นองค์กรหลักที่รับผิดชอบในการบูรณาการจัดทำแผนพัฒนาหมู่บ้าน
และบริหารจัดการกิจกรรมที่ดำเนินงานในหมู่บ้านร่วมกับองค์กรอื่นทุกภาคส่วน
ผู้นำหรือผู้แทนกลุ่มหรือองค์กรใดจะมีสิทธิเป็นกรรมการหมู่บ้านตามวรรคหนึ่ง
ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงมหาดไทยกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
กรรมการหมู่บ้านผู้ทรงคุณวุฒิต้องมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับผู้มีสิทธิเลือกผู้ใหญ่บ้าน
วิธีการเลือกและการแต่งตั้ง
วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และการปฏิบัติหน้าที่
การประชุม และการวินิจฉัยชี้ขาด ของคณะกรรมการหมู่บ้านให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงมหาดไทยกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ค่าใช้จ่ายในการจัดประชุมคณะกรรมการหมู่บ้าน ให้กระทรวงมหาดไทยจ่ายเป็นเงินอุดหนุนให้ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงมหาดไทยกำหนด โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
.................................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น