คณะกรรมการหมู่บ้าน
|
ผู้ไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง
|
|
การเสนอข้อพิพาท
|
แจ้งผู้ใหญ่บ้าน
|
ทำเป็นคำร้องยื่นต่อนายอำเภอ
|
ประเภทของข้อพิพาท
|
ความแพ่งหรือความผิดอาญาที่ยอมความได้
|
เฉพาะข้อพิพาททางแพ่งเกี่ยวกับที่ดิน, มรดก และข้อพิพาททางแพ่งอื่นที่มีทุนทรัพย์ไม่เกินสองแสนบาท
หรือมากกว่านั้นตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา
|
ระยะเวลาของการไกล่เกลี่ย
|
ไม่ได้กำหนดเวลา แต่ให้ดำเนินการโดยมิชักช้า
เมื่อได้รับแจ้ง
|
- เมื่อได้รับคำร้อง นายอำเภอแจ้งแก่คู่พิพาทอีกฝ่ายทราบเพื่อสอบถามความประสงค์
- หากฝ่ายนั้นยอมเข้าสู่การไกล่เกลี่ย
นายอำเภอต้องมีหนังสือแจ้งทุกฝ่ายให้มาเลือกผู้ไกล่เกลี่ย
- เมื่อเลือกได้แล้ว ให้นัดผู้ไกล่เกลี่ยภายใน ๗
วัน เพื่อพิจารณาคำร้อง
- นายอำเภอส่งหนังสือนัดวันไกล่เกลี่ยภายใน ๗ วัน
นับแต่วันพิจารณารับคำร้อง
- ต้องไกล่เกลี่ยให้เสร็จภายใน ๓ เดือน
แต่หากจำเป็นให้ขยายได้ไม่เกินครั้งละ ๓ เดือน แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน ๑ ปี
|
การเชิญบุคคลอื่นมาให้คำปรึกษา
|
เชิญนายอำเภอ ปลัดอำเภอ นายตำรวจหรืออัยการ
มาให้คำปรึกษาได้
|
นำพยานบุคคลเข้าชี้แจงหรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้
|
สถานที่ไกล่เกลี่ย
|
ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านหรือสถานที่อื่นตามที่เห็นสมควร
|
ที่ว่าการอำเภอหรือสถานที่ราชการอื่นตามที่เห็น สมควร
|
อายุความ
|
การแจ้งฯ ไม่เป็นผลให้อายุความสะดุดหยุดลง
|
อายุความในการฟ้องร้องคดีสะดุดหยุดลงนับแต่วันที่ยื่นคำร้องหรือวันที่อำเภอได้รับหนังสือแจ้งทางไปรษณีย์
ถึงวันที่คณะบุคคลผู้ทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยฯ
สั่งจำหน่ายข้อพิพาทหรือวันที่คู่พิพาททำสัญญาประนี ประนอมยอมความกันแล้วแต่กรณี
(แต่หากระหว่างการไกล่เกลี่ยฯ
มีการบอกเลิกการไกล่เกลี่ยฯ โดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ให้คณะผู้ไกล่เกลี่ยฯจำหน่ายคำร้อง และให้ถือว่าไม่เคยได้รับคำร้องมาแต่ต้น กรณีนี้
อายุความก็จะไม่เคยสะดุดหยุดลงมาแต่ต้นเช่นกัน)
|
ผลของการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ
|
คู่พิพาทได้สิทธิตามสัญญาประนี ประนอมฯ นี้เป็นสัญญาชนิดหนึ่งที่ผูกพันคู่พิพาททุกฝ่าย
หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ปฏิบัติตามที่ตกลงไว้ในสัญญาฯ การจะบังคับตามสัญญาฯ ต้องยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อบังคับอีกฝ่ายให้ปฏิบัติตามสัญญาประนี
ประนอมยอมความที่ได้ทำไว้
|
คู่พิพาทได้สิทธิตามสัญญาประนี ประนอมฯ นี้ เทียบได้กับคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความโดยศาล
หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ปฏิบัติตามที่ตกลงไว้ในสัญญาฯ อีกฝ่ายสามารถยื่นคำร้องต่ออัยการเพื่อให้อัยการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ศาลออกคำบังคับตามสัญญาฯ
ได้เลย โดยมิต้องฟ้องเป็นคดีต่อศาล
|
จะเห็นได้ว่า ในการระงับข้อพิพาทของคณะกรรมการหมู่บ้าน มีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก สะดวก รวดเร็ว พิพาทกันที่หมู่บ้านไหน ก็แจ้งกับผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านนั้นหรือหมู่บ้านของอีกฝ่ายก็ได้ การติดต่อคณะกรรมการหมู่บ้านนั้นๆ ก็สะดวกเช่นกัน เพราะหมู่บ้านเป็นชุมชนขนาดเล็ก การประสานการติดต่อกันได้ในระยะเวลาไม่มาก การเจรจาเพื่อระงับข้อพิพาทจึงสามารถกระทำได้ในเวลารวดเร็ว
แต่ในการระงับข้อพิพาทโดยคณะผู้ไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง มีขั้นตอนต่างๆ ที่ต้องใช้ระยะเวลาหลายวัน และเป็นหน้าที่ในการระงับข้อพิพาทในชุมชนระดับอำเภอ
ซึ่งกว้างขวางกว่าระดับหมู่บ้านหลายเท่า การประสานการติดต่อจึงจะใช้เวลามากกว่าระดับหมู่บ้าน อีกทั้งหากการไกล่เกลี่ยยังไม่เป็นที่ตกลงกัน
ก็ยังสามารถที่จะขยายเวลาออกไปได้เรื่อยๆ
แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน ๑ ปี หากจะทำแบบรวบรัด
เข้าทางลัดเพื่อให้คู่พิพาทตกลงกันได้โดยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันแล้ว หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง
และเมื่อมีการตรวจกระบวนการพิจารณาตั้งแต่ยื่นคำร้องจนกระทั่งมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน
ศาลเห็นว่ามิได้มีการปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงฯ
เช่นอำเภอมิได้ส่งหนังสือแจ้งวันเวลา สถานที่นัดหมายการไกล่เกลี่ยฯ ให้แก่คณะผู้ไกล่เกลี่ยและคู่พิพาททุกฝ่ายทราบ แต่ใช้วิธีโทรศัพท์หรือฝากบอกต่อๆ กันไป คู่พิพาทฝ่ายที่ต้องรับผิดเพราะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความ
ได้ถูกอัยการร้องขอให้ศาลออกคำบังคับเพื่อให้ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอม อาจนำความนี้ไปยื่นคำร้องต่อศาลและศาลอาจเห็นว่าสัญญาประนีประนอมกันที่ทำกันไว้นั้น
มิได้ทำให้เป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงฯ จริง ศาลอาจยกคำร้องของอัยการได้ ความคิดตามวรรคนี้
ผู้เขียนได้ความคิดมาจากที่เคยได้รับฟังเรื่องการฟ้องคดีกู้ยืมเงินจากกองทุนหมู่บ้าน(กองทุนเงินล้าน)
แห่งหนึ่งว่า กองทุนนั้นได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องลูกหนี้ต่อศาล
ในชั้นสืบพยานโจทก์ยื่นเอกสารหลักฐานการกู้ยืมเงินครบถ้วน
แต่เมื่อศาลถามโจทก์ว่าทางกองทุนได้ประชุมกรรมการและมีมติให้ฟ้องลูกหนี้รายนี้แล้วหรือยัง โจทก์ตอบว่ายัง ศาลเลยยกฟ้องคดีนี้ จะเท็จจริงประการใด ผู้เขียนยังไม่ขอรับรอง
เพราะไม่ได้ยินว่าฟ้องกันที่ศาลใด
แต่ก็เคยได้ยินจากอัยการที่ไปร่วมประชุมกับตัวแทนกรรมการกองทุนหมู่บ้านฯ
ได้บอกว่า หากกองทุนหมู่บ้านใดจะส่งลูกหนี้ให้อัยการฟ้องให้ จะต้องมีเอกสาร
ฯ..........มติที่ประชุมกรรมการให้ฟ้องลูกหนี้ชื่อ............ ฯ
ผู้เขียนจึงได้นำเรื่องดังกล่าวมาอนุมานกับเรื่องการไกล่เกลี่ยฯ
เพื่อให้เกิดความระมัดระวังและกังวลเล่นๆ ไปพลางๆ ก่อน
แต่ถ้าหากพิจารณาถึงเจตนาของการออกประกาศกฎกระทรวงฯ
นี้ ก็ด้วยมุ่งหวังที่จะให้ทางอำเภอร่วมกับคณะผู้ไกล่เกลี่ยฯ
ร่วมกันหยุดยั้งการนำคดีความทั้งหลายให้ไม่ต้องไปถึงโรงถึงศาลแล้ว
ศาลอาจมองได้ว่าในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความขึ้นนี้
ก็ด้วยการยินยอมพร้อมใจตกลงที่จะทำสัญญาให้มีผลผูกพันต่อกัน จึงอาจสั่งอนุญาตตามคำร้องที่อัยการเสนอก็ได้ ทั้งนี้และทั้งนั้น คงจะต้องรอดูว่า
ใครในประเทศไทยจะเป็นคนแรกที่ถูกอัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลออกคำบังคับ
แล้วเขาคนนั้นยกเหตุที่ผู้เขียนยกตัวอย่างขึ้นต่อสู้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น