จากการที่เมื่อต้นปี
๒๕๕๔ ผู้เขียนได้เข้ารับการอบรมการปฏิบัติหน้าที่และเข้าร่วมฟังการอบรม
”ผู้ไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง” ในระดับอำเภอ รวม
๒ ครั้ง ผู้เขียนได้ฟังวิทยากรที่มาอบรม
ได้แนะนำวิธีการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง
ตามกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ.๒๕๕๓ เสร็จแล้ว ก็จะต่อด้วยวิธีการเข้าไปทำการไกล่เกลี่ยความผิดอาญาของผู้ไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง
ตามกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยความผิดที่มีโทษทางอาญา พ.ศ.๒๕๕๓ จนจบทั้งสองครั้ง เผอิญผู้เขียนได้บังอาจศึกษากฎกระทรวงฯ ทั้งสองเพื่อแอบทำความเข้าใจก่อนที่จะเข้ารับการอบรมแล้ว
เห็นว่า
ในกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง
พ.ศ.๒๕๕๓ ข้อ ๒ ให้คำจำกัดความ “ผู้ไกล่เกลี่ย”
หมายความว่า บุคคลที่ทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาท
ส่วนในกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยความผิดที่มีโทษทางอาญา
พ.ศ.๒๕๕๓ ข้อ ๓ บัญญัติว่า “บรรดาความผิดที่มีโทษทางอาญาที่เกิดขึ้นในเขตอำเภอใด
ถ้าผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหายินยอมหรือแสดงความจำนงให้มีการไกล่เกลี่ย
ให้นายอำเภอหรือปลัดอำเภอของอำเภอนั้นเป็นผู้ไกล่เกลี่ยตามควรแก่กรณี”
และหากเข้าไปอ่านกฎกระทรวงฯ
ทั้งสอง จะแยกได้ว่า ข้อพิพาททางแพ่งจะมีบัญชีรายชื่อบุคคลที่จะทำหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ย
มีนายอำเภอหรือปลัดอำเภอหรืออัยการเป็นประธานคณะผู้ไกล่เกลี่ย ส่วนข้อพิพาททางอาญาจะมีนายอำเภอหรือปลัดอำเภอเป็นผู้ทำหน้าที่ไกล่เกลี่ย
แล้วการที่ผู้ไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่งจะเข้าไปทำการไกล่เกลี่ยความผิดอาญานั้นน่ะ มีสิทธิมีอำนาจหรือไม่ แล้วหากบังเอิญไม่ว่าจะด้วยเหตุใด
ผู้ไกล่เกลี่ยฯ นี้ได้ถูกเข้าไปทำการไกล่เกลี่ยจนมีการทำหนังสือตกลงยินยอมระหว่างผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหาแล้ว
หนังสือนี้จะมีผลใช้บังคับได้หรือไม่ ผู้เขียนจึงเรียนถามวิทยากรว่า
ในกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยความผิดที่มีโทษทางอาญา พ.ศ.๒๕๕๓
ไม่มีการกล่าวถึงผู้ไกล่เกลี่ยตามบัญชีรายชื่อเลย แล้วจะให้เข้าไปทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยได้หรือ วิทยากรตอบว่า
“ได้ ทำไปเถอะ
เพื่อให้ข้อขัดแย้งได้ยุติลง” ผู้เขียนก็มิได้ถามหรือตอบรับใดๆ
ต่อ
ขณะนั้น
ผู้เขียนคิดอยู่ในใจเป็นปัญหาสามแนวทาง
คือ
แนวทางแรก หากจะได้มีการไกล่เกลี่ยความผิดอาญา แบบฟอร์มของกรมการปกครองที่นายอำเภอหรือปลัดอำเภอจะต้องลงรายการ
ลงสารบบจะต้องมีระบุตำแหน่งของผู้ไกล่เกลี่ยไว้แล้วว่า....นายอำเภอ/ปลัดอำเภอ ผู้ทำการไกล่เกลี่ย....
แล้วผู้ไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่งจะไปลงชื่อช่องไหน ในฐานะอะไร
แนวทางที่สอง หากจะให้ผู้ไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่งทำการไกล่เกลี่ย
ก็น่าที่จะเป็นลักษณะของเข้าไปในฐานะเป็นบุคคลที่ผู้เสียหายหรือผู้ถูกกล่าวหาไว้ใจ
ให้เข้ารับฟังการไกล่เกลี่ยได้ ตามที่ระบุในข้อ ๘
แห่งกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยความผิดที่มีโทษทางอาญา พ.ศ.๒๕๕๓ ซึ่งในทางปฏิบัติและเป็นไปได้ก็คือมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีความเคารพนับถือในตัวผู้ไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง อยากให้เข้าไปช่วยเจรจากับอีกฝ่าย ไม่อยากเข้าคุกเข้าตะราง
ซึ่งบางทีอีกฝ่ายก็อาจให้ความเคารพเป็นทุนอยู่แล้ว การจะเข้าไปช่วยเจรจาเช่นนี้ จะช่วยให้เกิดข้อยุติได้ง่าย และเชื่อว่านายอำเภอหรือปลัดอำเภอที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ย
ก็จะยินดีที่จะทำให้เกิดประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย และเมื่อจะต้องมีการลงชื่อในหนังสือตกลงยินยอม อย่างน้อยก็ให้ผู้ไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่งลงชื่อในฐานะ
..พยาน..น่าจะเหมาะสมและเป็นการให้เกียรติที่ได้มีส่วนช่วยไกล่เกลี่ยจนยุติลงได้
แนวทางที่สาม สมมุตินะครับ
สมมุติว่าผู้ไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง
เข้าใจว่าตนได้เข้าเป็นผู้ไกล่เกลี่ยความผิดอาญา แล้วจะได้รับเงินค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายในการเดินทางในการทำหน้าที่ผู้ไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาท
เช่นกับที่ได้รับจากการไกล่เกลี่ยฯ ข้อพิพาททางแพ่งแล้ว ทางอำเภอก็ไม่สามารถจะตั้งเบิกค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้แก่ผู้ไกล่เกลี่ยฯ
ได้เลย แต่แนวทางนี้
ผู้เขียนคิดว่าไม่น่าจะอยู่ในความคิดของผู้ไกล่เกลี่ยฯ เพราะผู้ไกล่เกลี่ยฯ ตามบัญชีรายชื่อ
ต่างสมัครเข้ามาด้วยจิตอาสา
เพื่อการช่วยเหลือสังคมให้มีความสงบสุข มีความสมานฉันท์
เอื้อเฟื้อเกื้อกูลต่อกัน
อาจไม่ทราบมาแต่แรกว่าการทำหน้าที่ผู้ไกล่เกลี่ยฯ นี้
มีค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้
ผู้เขียนเห็นว่า หากตีความตามกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยความผิดที่มีโทษทางอาญา
พ.ศ.๒๕๕๓ แล้ว ผู้ไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง
ไม่อาจเข้าไปทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยความผิดที่มีโทษทางอาญาได้เลย
และหากเข้าไปทำการไกล่เกลี่ยจนกระทั่งมีการทำหนังสือตกลงยินยอมแล้ว
หนังสือตกลงยินยอมดังกล่าวก็มิอาจใช้บังคับต่อกันได้(ขอแก้ไขเพิ่มเติม : ที่กล่าวว่ามิอาจใช้บังคับต่อกันได้นี้ หมายถึงใช้บังคับตามกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยความผิดที่มีโทษทางอาญา พ.ศ.๒๕๕๓ แต่หนังสือยินยอมที่ได้ทำไว้นั้นอาจไม่สูญเปล่า สามารถใช้เป็นหนังสือประนีประนอมยอมความกันได้ แต่ต้องอยู่ในเรื่องของอายุความด้วย....๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๕)
ผู้เขียนอยากฟังความคิดเห็นของผู้ไกล่เกลี่ยฯ
หรือผู้อ่านทุกท่าน ขอทุกท่านได้นำออกมาแบ่งปัน
มาแชร์ มาปรับแก้ มาจูนเข้าหากัน เพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวมด้วยนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น