เรามาย้อนดูกันก่อนว่า
สัญญาประนีประนอมยอมความคืออะไร จะมีรูปแบบเป็นอย่างไรนะครับ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 บัญญัติไว้ว่า “อันว่าสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น คือ
สัญญาซึ่งผู้เป็นคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายระงับข้อพิพาทอันใดอันหนึ่งซึ่งมีอยู่หรือจะมีขึ้นนั้น
ให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน”
สัญญาประนีประนอมยอมความ
มี ๒ ประเภท คือ สัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำกันนอกศาล
กับสัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำกันในศาล
สัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำกันนอกศาล
หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญาต้องไปฟ้องศาลให้ดำเนินคดีกับอีกฝ่าย
ฐานผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ
ส่วนสัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำกันในศาล
เนื่องด้วยมีการฟ้องคดีต่อศาลก่อนแล้วและคดียังไม่ถึงที่สุด
เมื่อศาลพิพากษาให้ตามสัญญาแล้ว หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา
ศาลสามารถบังคับคดีให้โดยไม่ต้องฟ้องเป็นคดีใหม่อีก
เนื่องจากที่เราคุยกันนี้
เป็นเรื่องของการไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทในเรื่องที่ยังไปไม่ถึงศาล
เพื่อที่จะให้คู่พิพาทได้ตกลงยุติข้อพิพาทและยังเป็นการติดเบรกข้อพิพาทนี้มิให้ขึ้นไปสู่ศาล
ดังนั้นเราจะคุยถึงเฉพาะสัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำกันนอกศาลนะครับ
รูปแบบของสัญญาประนีประนอมยอมความนอกศาลทั่วๆ
ไป จะเขียนบนกระดาษขนาดใดก็ได้ แต่ต้องมีสาระสำคัญที่ประกอบด้วย
- ชื่อหัวกระดาษระบุว่า
สัญญาประนีประนอมยอมความ
- สถานที่ทำสัญญา
- วันเดือนปี ที่ทำสัญญา
- ชื่อ อายุ
(เลขบัตรประจำตัวประชาชน) ที่อยู่หรือภูมิลำเนาของทั้งสองฝ่าย
-
ข้อความที่คู่สัญญาได้เจรจาและตกลงจะให้กระทำหรืองดเว้นการกระทำสิ่งใดบ้าง ต้องให้
ชัดเจนและปฏิบัติได้
- ข้อความว่า
ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ติดใจเรียกร้องสิ่งอื่นใดและต่างจะไม่ติดใจดำเนินคดีแพ่งและ
คดีอาญาใดๆกันอีกต่อไป
- ข้อความว่า
สัญญาประนีประนอมยอมความนี้ทำขึ้นเป็นสองฉบับมีข้อความถูกต้องตรงกัน ทั้ง
สองฝ่ายได้อ่านและเข้าใจในข้อตกลงข้างต้นเป็นอย่างดีแล้ว
จึงได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานต่อหน้า พยานและต่างได้ถือกันไว้ฝ่ายละฉบับ ต้องลงลายมือชื่อของทั้งสองฝ่าย หากเป็นลายเซ็น
ให้มีชื่อตัวบรรจงในวงเล็บใต้ลายเซ็นนั้น
-
ควรต้องมีพยานลงลายมือชื่อไว้ด้วย จะหนึ่งคนหรือสองคนก็ได้
สัญญา หมายถึง
นิติกรรมสองฝ่ายหรือหลายฝ่ายที่เกิดจากการแสดงเจตนาเสนอ
สนองต้องตรงกันของบุคคลตั้งแต่สองฝ่ายขึ้นไปที่มุ่งจะก่อให้เกิดเปลี่ยนแปลงหรือระงับนิติสัมพันธ์
สัญญาจึงจำเป็นต้องมีลายมือชื่อของทั้งสองฝ่ายหรือหลายฝ่าย
หากมีลายมือชื่อเพียงฝ่ายเดียว อาจจะเป็นเพียงคำเสนอหรือคำมั่นที่จะผูกพันฝ่ายที่ลงลายมือชื่อไว้ฝ่ายเดียวได้
ทีนี้มาดูว่าลายมือชื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความ
สำคัญอย่างไร
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 851
บัญญัติว่า “อันสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด
หรือลายมือชื่อตัวแทนของฝ่ายนั้นเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่”
อ่านกฎหมายมาตรานี้แล้วบางท่านอาจสงสัยว่า
เมื่อกี้บอกว่าในสัญญาประนีประนอมยอมความต้องลงลายมือชื่อทั้งสองฝ่าย
แต่ในกฎหมายมาตรานี้บอกว่า....ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดหรือลายมือชื่อตัวแทนของฝ่ายนั้นเป็นสำคัญ
ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่
จะหมายความว่าในสัญญาประนีประนอมยอมความนี้มีลงชื่อไว้ฝ่ายเดียวใช่หรือเปล่า
แล้วจะใช้บังคับกันได้รึ
หากสงสัยเช่นนี้
ผู้เขียนขอขยายให้เข้าใจโดยสมมุติว่า ในสัญญาประนีประนอมยอมความนี้
เมื่อเขียนสาระสำคัญเสร็จแล้ว ต่อไปก็เป็นการลงชื่อ
แต่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ยังไม่ได้ลงลายมือชื่อ อาจเกิดปวดท้อง หรือเกิดติดธุระด่วน
รอไม่ได้ขอไปธุระก่อน แล้วจะกลับมาลงชื่อภายหลัง แต่แล้วก็หายไป
ไม่ได้มาลงชื่อจนกระทั่งฝ่ายที่ไม่ได้ลงชื่อเกิดผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ
กรณีนี้ก็จะไปฟ้องคดีเอากับฝ่ายที่มิได้ลงลายมือชื่อไม่ได้
ดังนั้นในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ระหว่างที่ร่างทำสัญญาอยู่นั้น หากฝ่ายที่ต้องรับผิดตามที่จะร่างในสัญญาเกิดเปลี่ยนใจ
คิดจะหลบ อาจอ้างอุบายสารพัดที่จะลุกหนีออกไป ก็อย่ายอมนะครับ ล็อคตัวไว้
อ้างปวดท้องก็บอกให้ราดตรงนั้นเลย
อ้างต้องโทรศัพท์ติดต่อคนอื่นด่วนแต่แบตเตอรี่โทรศัพท์หมด จะออกไปโทร.หยอดเหรียญ
ก็จงบอกให้เอาเครื่องของเราโทร.ได้ตอนนี้เลย ผู้เขียนเคยเจอเช่นนี้มาแล้ว
เรื่องเกิดที่สถานีตำรวจ อีกฝ่ายอ้างจะโทรศัพท์แต่แบต.หมด
ผู้เขียนก็ส่งโทรศัพท์ให้ไป
พี่ท่านก็รับเครื่องของผู้เขียนแล้วเดินออกจากห้องสอบสวน ผู้เขียนลุกตามไปด้วย
เขาเดินเลี่ยงไปทางใต้ต้นไม้ แต่อยู่ภายในสายตาของผู้เขียน
เขาหันหลังให้ทำเป็นกดเบอร์โทร.ออก แล้วส่งเสียงคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้
สักพักก็เดินมาส่งโทรศัพท์คืน หลังจากเสร็จเรื่องแล้วแยกย้ายกันกลับ
ผู้เขียนก็กดเครื่องโทรศัพท์ดูหมายเลขที่เขาโทร.ออก
ด้วยกลัวว่าเขาจะโทร.ไปเมืองนอก ปั้ดโธ่ กดเบอร์ 92
มันเป็นหมายเลขอะไรน่ะ ทำเป็นคุยเป็นคุ้งเป็นแคว มียิ้ม
มีพยักหน้าอีกด้วยต่างหาก
กลับเข้าไปดูในมาตรา ๘๕๑ ตรงคำว่า ....ลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดหรือลายมือชื่อตัวแทนของฝ่ายนั้นเป็นสำคัญ....
นั่นหมายความว่า ฝ่ายที่ต้องรับผิด มิได้มีแต่ฝ่ายผู้ถูกร้องนะครับ ในบางกรณี ผู้ร้องก็อาจต้องรับผิดตามสัญญาประนีประนอมยอมความด้วย
เช่น
ในสัญญาประนีประนอมยอมความที่ตกลงว่าให้อีกฝ่ายกระทำหรืองดเว้นการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วฝ่ายตนก็จะงดเว้นการกระทำหรือกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไป
เช่นนี้จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความที่ต่างฝ่ายต่างมีเหตุที่จะฟ้องอีกฝ่ายเท่าๆ
กัน หากไม่ทำตามที่ตกลงในสัญญาฯ
เมื่อทั้งสองฝ่ายหรือหลายฝ่ายได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความไว้ต่อกันแล้ว
จะมีผลอย่างไรเกิดขึ้นบ้าง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852
บัญญัติว่า “ผลของสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น
ย่อมทำให้การเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้ยอมสละนั้นระงับสิ้นไป
และทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญานั้นว่าเป็นของตน”
หมายถึงก่อนทำสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น
ต่างฝ่ายต่างอาจมีสิทธิเรียกร้องต่อกันมากมาย มากจนขัดแย้งกัน
แต่เมื่อได้มีการไกล่เกลี่ยกันแล้ว ต่างได้ลดราวาศอกลงเพื่อให้ยุติข้อพิพาทด้วยการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน
บรรดาข้อเรียกร้องที่มากมายนั้นก็จะระงับ จะสิ้นไป
เกิดเป็นสิทธิเรียกร้องใหม่ตามที่ปรากฏในสัญญาประนีประนอมยอมความนี้นั่นเอง
ยกตัวอย่าง :
นายไก่มีที่ดินติดกับบ้านนายไข่ อยู่มาวันหนึ่งนายไข่ได้แอบย้ายหลักเขตที่ดินขยับเข้าไปในที่ดินของนายไก่
ด้วยหวังจะเพิ่มเนื้อที่ของตนโดยมิชอบ เมื่อนายไก่ทราบภายหลัง
จึงได้ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีอาญากับนายไข่ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๓๖๓ ที่บัญญัติว่า ผู้ใดเพื่อถือเอาอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเป็นของตนหรือของบุคคลที่สาม
ยักย้ายหรือทำลายเครื่องหมายเขตแห่งอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมดหรือแต่บางส่วน
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ(เป็นความผิดที่ยอมความได้) เมื่อพนักงานสอบสวนเรียกตัวนายไขไปที่สถานีตำรวจ ได้มีการไกล่เกลี่ยจนจบลงด้วยการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน(เป็นการบันทึกข้อความที่ตกลงกันลงในบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจ
ที่เราเรียกกันว่า ลงประจำวัน.....ผู้เขียน)
โดยที่นายไข่ตกลงยินยอมย้ายหลักเขตกลับที่เดิมให้ตรงตามโฉนดพร้อมทั้งจะชดใช้ค่าเสียหายให้แก่นายไก่
๑๐,๐๐๐ บาท นายไก่ก็ตกลงว่าจะถอนแจ้งความ
ไม่ติดใจดำเนินคดีอาญากับนายไข่อีกต่อไป เช่นนี้
ถือว่าสิทธิที่นายไก่จะดำเนินคดีอาญากับนายไข่ได้ระงับสิ้นไป
แต่ได้สิทธิใหม่คือจะได้รับเงินค่าเสียหายจากนายไข่เป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาทและนายไข่จะเป็นผู้ย้ายหลักเขตกลับมายังจุดเดิม
ผู้เขียนมีตัวอย่างของสัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำกันนอกศาล
เป็นคดีที่ผู้เขียนเป็นทนายความฝ่ายลูกหนี้
ซึ่งถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลให้ลงโทษลูกหนี้ผู้เป็นจำเลยในความผิดตาม
พ.ร.บ.ความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.๒๕๓๔ หนี้ตามเช็คที่ฟ้องเกือบสองล้านบาท
แต่ได้มีการเจรจาต่อรองกันจนเหลือที่ ๓๐๐,๐๐๐ บาท
จึงได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันนอกห้องพิจารณาคดี
แล้วเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ก็นำสัญญาฯ
นี้เข้าไปแถลงต่อศาลขอถอนฟ้องลูกหนี้ผู้เป็นจำเลย
เป็นตัวอย่างสัญญาประนีประนอมยอมความที่แสดงให้เห็นว่า เมื่อได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันแล้ว
สิทธิในการดำเนินคดีอาญากับลูกหนี้เพื่อให้ต้องรับโทษทางอาญาได้ระงับสิ้นไปและเจ้าหนี้ก็ได้สิทธิที่เกิดขึ้นใหม่ตามที่ระบุในสัญญาฯ
คือจะได้เงิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท (สัญญาดังเช่นฉบับตัวอย่างนี้
แม้โจทก์จะไม่นำเข้าไปแถลงขอถอนฟ้องต่อศาล แต่สิทธิในการดำเนินคดีอาญาของโจทก์ต่อจำเลยได้หมดสิ้นไปเมื่อได้ยกปากกาขึ้นหลังจากลงชื่อโจทก์ในสัญญาประนีประนอมยอมความเรียบร้อยแล้ว
แต่การที่ต้องไปแถลงให้ศาลทราบนี้
ก็เพื่อที่ศาลจะได้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความ
ไม่ต้องดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไปครับ)
---------------------------------------------------------------------------------
สัญญาประนีประนอมยอมความ
สัญญาประนีประนอมยอมความฉบับนี้
ทำขึ้นเมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๕ ระหว่าง บริษัท ………………………………..…ผู้รับมอบอำนาจ อยู่เลขที่………ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
ซึ่งต่อไปจะเรียกว่า “เจ้าหนี้” ฝ่ายหนึ่ง
กับ……………………………..อยู่บ้านเลขที่…………………………..จังหวัดเชียงใหม่
ซึ่งต่อไปจะเรียกว่า “ลูกหนี้” อีกฝ่ายหนึ่ง
ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความเพื่อให้มีผลผูกพันกันดังต่อไปนี้
ตามที่บริษัท ………………………………..… จำกัด
ซึ่งมีลูกหนี้เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ได้ร่วมลงลายมือชื่อลงในเช็คธนาคาร …………………...(มหาชน) สาขา………………สั่งจ่ายเงิน ๑,๙๘๕,๐๐๐ บาท(หนึ่งล้านเก้าแสนแปดหมื่นห้าพันบาทถ้วน)
ลงวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๔ ให้แก่เจ้าหนี้ เพื่อชำระหนี้ตามสัญญา………………………..…
และต่อมาเมื่อเจ้าหนี้นำเช็คฉบับดังกล่าวส่งเรียกเก็บเงินตามวิธีการของธนาคาร
ปรากฏว่าธนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค โดยให้เหตุผลว่า “เงินในบัญชีไม่พอจ่าย” เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๔
เจ้าหนี้จึงได้นำเช็คและใบคืนเช็คฉบับดังกล่าวไปยื่นฟ้องลูกหนี้ต่อศาลแขวงเชียงใหม่
ในความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พุทธศักราช ๒๕๓๔
มาตรา ๔ เป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่………..…ให้ลูกหนี้ต้องรับผิดในฐานะส่วนตัวและในฐานะผู้มีอำนาจของบริษัท……………………จำกัด นั้น
ข้อ ๑.
ลูกหนี้ตกลงจะชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้เป็นเงินจำนวน ๓๐๐,๐๐๐ บาท (สามแสนบาทถ้วน) โดยจะผ่อนชำระให้แก่เจ้าหนี้เดือนละ ๓๐,๐๐๐ บาท เป็นเวลา ๑๐ เดือน เริ่มชำระเดือนแรกวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๕
และต่อไปทุกวันที่ ๕ ของเดือนถัดไปจนครบ ๑๐ เดือน
ข้อ
๒.
เจ้าหนี้ตกลงยุติการดำเนินคดีกับลูกหนี้ทั้งในฐานะส่วนตัวและฐานะผู้มีอำนาจของบริษัท
………………………..… จำกัด
โดยถอนฟ้องลูกหนี้ที่ได้ยื่นฟ้องที่ศาลแขวงเชียงใหม่ คดีอาญาหมายเลขดำที่ ๘๐๒๕๕๔
ออกเสียจากสารบบความ และจะไม่ดำเนินคดีทางแพ่งใดๆ
เพื่อให้ลูกหนี้ต้องรับผิดชดใช้หนี้ตามเช็คฉบับดังกล่าวทั้งในฐานะส่วนตัวและฐานะผู้มีอำนาจของบริษัท
…………………………..…จำกัดอีกต่อไป
ข้อ
๓. หากลูกหนี้ผิดนัดชำระงวดหนึ่งงวดใดหรือผิดนัดทั้งหมด
ลูกหนี้ยินยอมให้เจ้าหนี้ดำเนินการตามกฎหมายได้ทันที
พร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของส่วนที่ค้างจนกว่าจะชำระเสร็จ
ข้อ
๔. เจ้าหนี้และลูกหนี้ตกลงตามข้อ ๑ –
๓ และต่างจะได้ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความนี้เพื่อให้มีผลตามกฎหมายต่อไป
สัญญาประนีประนอมยอมความนี้
ทำขึ้นเป็นสองฉบับ มีข้อความตรงกัน ต่างได้อ่านและเข้าใจข้อความดีแล้ว
จึงได้ลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้าพยานเพื่อเป็นหลักฐาน
ลงชื่อ........................................................เจ้าหนี้
(………………………………..…)
ลงชื่อ......................................................ลูกหนี้
(………………………………..…
)
ลงชื่อ........................................................พยาน
(………………………………..…)
ลงชื่อ......................................................พยาน
(………………………………..…)
- -----------------------------------------------------------------------------------------------------------
สงสัยมั๊ยครับ
ว่าผู้เขียนเขียนมาซะมากมาย ยังไม่เห็นเข้าหัวข้อเลยว่า สัญญาประนีประนอมยอมความ
ใครจะเป็นผู้ที่จัดทำได้บ้าง ผู้เขียนเชื่ออย่างยิ่งว่า
ท่านผู้อ่านทุกท่านทราบกันมาก่อนแล้วว่า
ผู้ที่จะเป็นผู้จัดทำสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น จะเป็นใครก็ได้
ที่สามารถเข้าใจและเขียนระบุใจความสาระสำคัญลงในสัญญาตามที่ผู้เขียนกล่าวในช่วงแรกๆ
ไม่จำเป็นที่ผู้จัดทำสัญญาประนีประนอมยอมความจะต้องเป็นผู้ไกล่เกลี่ย, ผู้ประนีประนอมประจำศาล ฯลฯ
ผู้จัดทำสัญญาประนีประนอมยอมความ จะเป็นใครก็ได้ที่สามารถเป็นตัวกลางในการช่วยพูดกล่อมให้คู่พิพาทตกลงยุติข้อพิพาทกันได้
เขียนที่ไหน ทำที่ไหนได้ทั้งนั้น
และการที่เป็น ใครก็ได้ นี้ ใครคนนั้นก็สามารถใช้ลูกล่อลูกชน ชี้นำ
ชี้ขาดในเรื่องที่พิพาทกันได้ เพราะคู่พิพาทอาจเป็นลูกหลานหรือคนที่เคารพใครคนนั้น
ก็จะมีความเกรงใจยอมยุติได้ ซึ่งต่างกับผู้ไกล่เกลี่ยตามกฎกระทรวงฯ
ผู้ประนีประนอมของศาล พนักงานอัยการ หรือทนายความ
ที่มีกฏระเบียบห้ามชี้นำหรือชี้ขาด แต่ใครก็ได้นี้ จะต้องยึดเอาความถูกต้อง
เป็นธรรมและยุติธรรมเป็นที่ตั้งในการเข้าไกล่เกลี่ย เพราะหากขาดสิ่งนี้แล้ว
ใครคนนั้นก็คงจะไม่ทันได้จัดทำสัญญาประนีประนอมยอมความจนเสร็จสิ้นอย่างแน่ๆ
ข้อสังเกต : การทำสัญญาประนีประนอมยอมความของคณะผู้ไกล่เกลี่ยตามกฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง เป็นการทำกันนอกศาล แต่หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา ก็มิต้องนำสัญญานี้ไปฟ้องศาล เพียงแต่มีการยื่นคำร้องขอให้ศาลออกคำบังคับไปยังคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งให้ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ก่อนที่จะบังคับคดีเท่านั้นเอง เพราะมีกฎหมายออกมารับรองผลของการทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยคณะผู้ไกล่เกลี่ยฯ โดยเฉพาะครับ
ท่านใดมีความเห็นว่าผู้เขียนเข้าใจผิดหรือมีความเห็นที่ต่างกว่าหรือเพิ่มเติม
ขอกรุณามาบอกมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเติมความรู้ความเข้าใจแก่ผู้อ่านกันนะครับ
ขอขอบคุณมาล่วงหน้าครับ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเติมครับ
สำหรับคดีที่ผู้เขียนนำสัญญาประนีประนอมยอมความมาเป็นตัวอย่างนี้
หากผู้อ่านสงสัยว่าหนี้ตามเช็คเกือบสองล้านบาท แต่เจรจาต่อรองเหลือสามแสนบาท
เป็นไปได้อย่างไร ผู้เขียนจะขออธิบายดังนี้นะครับ
เช็คที่เจ้าหนี้นำมาฟ้องลูกหนี้
ข้อเท็จจริงเป็นเช็คค้ำประกัน บริษัทลูกหนี้เป็นลูกค้าประจำของเจ้าหนี้
กู้ยืมเงินมาหลายครั้งแล้ว
ลูกหนี้จะลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คในนามกรรมการผู้มีอำนาจขณะรับวงเงินที่กู้
โดยไม่ได้กรอกลงจำนวนเงินและวันที่ในแต่ละครั้งแล้วส่งมอบเช็คนี้ให้ไว้แก่เจ้าหนี้
ส่วนหนี้เงินสดที่ต้องชำระแก่เจ้าหนี้
ลูกหนี้ได้มอบอำนาจให้เจ้าหนี้ไปรับเงินจากเจ้าของงานที่ลูกหนี้ไปรับเหมาเป็นงวดๆ
จนครบ เมื่อรับเงินงวดสุดท้ายมาแล้ว เจ้าหนี้ก็จะคืนส่วนต่างให้แก่ลูกหนี้
ทีนี้เช็คที่เจ้าหนี้นำมาฟ้องนี้ เป็นเช็คที่ค้ำประกันงานหนึ่งที่บริษัทลูกหนี้ทำงานไม่เสร็จ
จึงไม่ได้เงินจากผู้ว่าจ้าง เจ้าหนี้ก็เลยไม่ได้รับเงินที่ลูกหนี้กู้คืนมา
จึงนำเช็คมากรอกลงจำนวนเงิน ลงวันที่แล้วนำมาฟ้อง
ซึ่งเช็คค้ำประกันนี้จะไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
ตัวลูกหนี้ก็ลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทมาหลายปีแล้ว
ในวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง ได้มีการเจรจากันต่อหน้าศาล
ลูกหนี้แถลงศาลว่าเช็คเขียนจ่ายให้แก่เจ้าหนี้ตั้งแต่แรกวันที่ทำสัญญากู้เงินเพื่อเป็นการค้ำประกัน
แต่เจ้าหนี้บอกว่าพึ่งได้รับเช็คจากลูกหนี้หลังจากที่ไม่ได้รับการใช้เงินคืน
ผู้เขียนเลยถามเจ้าหนี้ว่า หากมีการไต่สวนมูลฟ้อง
พยานฝ่ายเจ้าหนี้จะเบิกความตามที่อ้างนี้หรือไม่
พยานฝ่ายเจ้าหนี้บอกตนจะเบิกความตามนี้
ศาลก็เลยถามเจ้าหนี้ว่าหากสืบได้ว่าเป็นเช็คที่จ่ายมาก่อนแล้ว
จะถือว่าพยานเจ้าหนี้เบิกความเท็จนะ ลองไปเจรจากันนอกห้องก่อน เพราะแม้จะยกฟ้องในคดีอาญา
แต่ลูกหนี้ก็ต้องรับผิดทางแพ่งตามจำนวนเงินในเช็คอยู่ดี จึงออกไปเจรจากันนอกห้อง
ประเด็นที่เจรจาคือหากไต่สวนมูลฟ้องแล้ว
พยานฝ่ายเจ้าหนี้เบิกความที่ลูกหนี้ถือว่าเป็นการเบิกความเท็จ
ลูกหนี้ก็จะฟ้องพยานเจ้าหนี้ว่าเบิกความเป็นเท็จ มีโทษทางอาญา ถึงแม้ลูกหนี้ยังจะต้องรับผิดในฐานะส่วนตัวตามหนี้ในเช็คเกือบสองล้านบาท
แบบว่าจะแลกกันมั๊ย ฝ่ายเจ้าหนี้เลยบอกขอให้ลูกหนี้รับผิดชอบในฐานะส่วนตัวเป็นเงิน
๓๐๐,๐๐๐ บาท
ส่วนที่เหลือทางเจ้าหนี้จะเรียกร้องเอากับบริษัทที่ลูกหนี้เคยเป็นกรรมการเอง แล้วเลิกคดีอาญานี้ต่อกัน
กับจะไม่ฟ้องทางแพ่งใดๆ กับลูกหนี้อีก ทั้งๆ
ที่ลูกหนี้ก็ไม่น่าจะต้องรับผิดในฐานะส่วนตัวกับเงินถึง ๓๐๐,๐๐๐
บาทนี้เลย เพราะทำในนามบริษัท เวลาได้กำไร ตัวลูกหนี้ก็ไม่เคยได้รับส่วนแบ่ง
แต่พอขาดทุนกลับมาลงให้ลูกหนี้รับผิดในฐานะส่วนตัว ไม่ใช่ในนามบริษัท
แต่ในข้อกฎหมายตัวลูกหนี้จะปฏิเสธความรับผิดในฐานะส่วนตัวไม่ได้
ก็เลยต้องตกลงตามนั้น
แค่นี้เองครับ
ไม่ได้มีอะไรที่เป็นการใช้ความสามารถที่เหนือกว่าปกติ เป็นเพียงความคิดพื้นๆ
ธรรมดาๆ เช่นบุคคลอย่างเราๆ ท่านๆ มีอยู่กันทุกคนแหละครับ ท่านผู้อ่านก็คิดได้
ทำได้เช่นกัน
โจทย์ฟ้องเรียกเงินค่าจ้างทำของ 100000 บาทจากจำเลยตามสัญญาว่าจ้างก่อสร้างบ้าน จำเลยให้การว่าโจทย์ก่อสร้างผิดพลาดหลายประการ
ตอบลบจำเลยจึงยังไม่จ่ายค่าจ้างให้ แต่จำเลยและโจทย์ตกลงกันได้แล้วตามข้อความในสัญญาประนีประนอมยอมความ ดังนี้ ถ้าโจทย์ไม่ได้คัดค้าน
ความถูกต้องแท้จริงของหนังสือประนีประนอมยอมความที่ส่งมาพร้อมคำให้การจำเลยจะนำสืบสำเนาสัญญาประณีประนอมยอมความแทน
ต้นฉบับได้หรือไม่
โจทย์ฟ้องเรียกเงินค่าจ้างทำของ 100000 บาทจากจำเลยตามสัญญาว่าจ้างก่อสร้างบ้าน จำเลยให้การว่าโจทย์ก่อสร้างผิดพลาดหลายประการ
ตอบลบจำเลยจึงยังไม่จ่ายค่าจ้างให้ แต่จำเลยและโจทย์ตกลงกันได้แล้วตามข้อความในสัญญาประนีประนอมยอมความ ดังนี้ ถ้าโจทย์ไม่ได้คัดค้าน
ความถูกต้องแท้จริงของหนังสือประนีประนอมยอมความที่ส่งมาพร้อมคำให้การจำเลยจะนำสืบสำเนาสัญญาประณีประนอมยอมความแทน
ต้นฉบับได้หรือไม่
ขออภัยที่เข้ามาช้ามากๆ ป่านนี้คดีคงจะเดินหน้าไปจนเสร็จแล้วกระมังครับ
ตอบลบท้ายสัญญาประนีประนอมฯ ระบุไว้ว่าทำกันไว้ 2 ฉบับ เก็บไว้คนละฉบับรึเปล่าครับ กรณีนี้ถือว่าเป็นเอกสารที่ฝ่ายโจทก์มีอยู่แล้ว ก็ไม่จำต้องส่งสำเนาและสามารถนำสืบและถามค้านตัวสำเนาที่เรามีอยู่ได้ครับ
ขอบคุณที่ให้ความแนะนำครับ
ตอบลบ